เซาธ์เกตเหน็บกูรู แค่อยากหาแสงกรณีจวกแม็กไกวร์
เซาธ์เกตเหน็บกูรู ระบุ บรรดากูรูแค่ด่า แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เพียงแค่เพราะจะได้ให้คำพูดของพวกเขาเอาไปเป็นพาดหัวข่าวใหญ่โตได้ก็เท่านั้น ภายหลัง แม็กไกวร์ โดนจวกอย่างรุนแรงกับท่าฉลองประตูที่เหมือนจะเป็นการตอบโต้นักวิจารณ์
แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ แอบเหน็บแนมเหล่ากูรูว่าจำเป็นต้องหาทางตำหนิบรรดานักเตะอยู่เสมอ เพื่อที่จะได้เป็นข่าวใหญ่จนถูกพูดถึงในวงกว้าง แม้ว่ามันจะเป็นการตำหนิในประเด็นที่ดูแปลกๆ ก็ตาม ภายหลัง รอย คีน และ เอียน ไรท์ เพิ่งจวก แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ว่าทำไม่เหมาะสมที่เหมือนจะฉลองประตูแบบตอบโต้นักวิจารณ์
ตลอดช่วงที่ผ่านมา แม็กไกวร์ มักจะโดนเหล่ากูรูเฉ่งอย่างรุนแรงจากการที่เขาทำผลงานกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ไม่ดีเท่าที่ควร และพอถึงเกม ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก นัดที่ อังกฤษ เอาชนะ แอลเบเนีย 5-0 เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานั้น แม็กไกวร์ ก็ทำท่าเอามือป้องหู ก่อนที่จะสไลด์ไปกับพื้นสนามโดยที่เอานิ้วอุดหูเอาไว้ด้วย
ทั้งนี้ หลายคนเชื่อว่า แม็กไกวร์ ทำท่านั้นเพื่อเป็นการตอบโต้เหล่านักวิจารณ์ แต่ คีน กับ ไรท์ ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวมากๆ โดยเฉพาะ คีน ที่ถึงขั้นบอกว่ามันเป็นการกระทำที่น่าอับอายสุดๆ ขณะที่ในเวลาต่อมา แม็กไกวร์ บอกว่าตนไม่ได้ตั้งใจจะพาดพิงใครทั้งนั้น
เซาธ์เกต เผยว่า “ผมคิดว่าเราคงต้องทำความเข้าใจกันว่าเราอยู่ในวงการแบบนี้ คุณจำเป็นต้องเลือกทำสิ่งที่ต่างออกไปเพื่อที่จะทำให้ตัวเองมีรายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง คุณจำเป็นต้องเลือกสักทางว่าจะทำตัวในแนวทางไหนดี ผมคิดอยู่เสมอว่าคนที่เคยเป็นนักเตะ หรือเหล่าอดีตผู้จัดการทีมน่าจะตระหนักดีว่ามันยากลำบากมากแค่ไหน (กับการที่ต้องเล่นหรือคุมทีมท่ามกลางเสียงก่นด่า) ดังนั้นก็คงจะต้องบอกว่าผมเห็นใจพวกเขา (หมายถึงบรรดานักเตะที่โดนตำหนิ) ด้วยส่วนหนึ่ง”
“มันขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องทำอะไรเพื่อที่ตัวเองจะได้ยังอยู่ในแวดวงนี้ บางช่องหรือบางที่ต้องการสิ่งที่จะใช้เป็นพาดหัวข่าวได้ บางช่องต้องการแนวทางปฏิบัติที่มีความชัดเจน มันมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด และผมก็เข้าใจถึงเรื่องนั้นดี ”
“เพื่อที่จะทำให้ตัวเองยังเป็นที่รู้จักในแวดวงแบบนั้นแล้วน่ะคุณก็จำเป็นต้องประดิษฐ์คำพูดที่มันดูเก๋ๆ ชนิดที่เอาไปใช้เป็นที่พูดถึงแบบปากต่อปากได้ แล้วจากนั้นก็เอาคำพูดจากรายการสดไปใช้เป็นพาดหัวข่าวในวันต่อไป ทุกคนในรายการโทรทัศน์แบบนั้นรู้ดีว่าวงการนี้มันทำงานกันยังไง และสำหรับวงการฟุตบอลแล้วนั้น การกระทำแบบนั้นช่วยเติมเต็มส่วนที่ต่างออกไปให้เกิดความสมบูรณ์”
“โลกของเรามันเป็นแบบนั้น ส่วนตัวแล้วในฐานะผู้จัดการทีมน่ะผมเข้าใจดี ดังนั้นผมก็เลยมักจะปล่อยให้มันเป็นไปตามนั้นโดยที่ไม่คิดมากอะไร แต่ผมคิดว่าคนที่เป็นนักเตะอาจจะรู้สึกต่างไปจากผม พวกเขาอายุน้อยกว่าผม พวกเขาอาจจะไม่มีประสบการณ์ในด้านนั้นเหมือนกับผมสักเท่าไหร่ พวกเขาอาจจะคิดว่าคนที่ตำหนิพวกเขาน่าจะตระหนักดีกว่าการเล่นท่ามกลางเสียงก่นด่ามันยากลำบากมากแค่ไหน พวกเขาอาจจะคิดว่าคนที่ตำหนิพวกเขาก็น่าจะเคยไม่ชอบเหมือนกันเวลาที่โดนตำหนิ นักเตะในสมัยนี้อาจจะมีความรู้สึกต่างไปจากคนในรุ่นของผมก็ได้ เพราะงั้นส่วนตัวแล้วผมเข้าใจดี วงการของเรามันก็เป็นแบบนี้ ดังนั้นก็ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนั้นแล้วกัน”
ติดตามข่าวกีฬาทุกวันได้ที่เว็บ : GAME HALL JILI
แหล่งที่มา : siamsport.co.th